Acne (หน้าใสไร้สิว)
3.1 Triple Clear เป็นการยิงเลเซอร์แสงความเข้มสูง ส่งผ่านผิวหนังเป็นชุด ๆ เข้าไปในผิวหนังชั้นลึก เพื่อขจัดรอยหมองคล้ำใต้ดวงตา ลบรอยแดงจากสิว และเส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนัง ช่วยในการกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินใต้ผิวหนัง และรักษารอยที่เกิดจากแสงแดดทำลายเซลล์ผิวหนัง ทำให้ผิวหน้าดูกระจ่างใส อ่อนเยาว์ ใช้รักษากระตื้นและรอยดำโดยการทำลายเม็ดสีที่เข้มผิดปกติให้หลุดลอกออก รักษารอยแดงจากสิว เส้นเลือดแดงฝอยเล็ก ๆ โดยทำให้เส้นเลือดหดเล็กลงปรับสภาพสีผิวให้สม่ำเสมอ ลดความหมองคล้ำ ผิวขาวใสขึ้น
3.2 Skin Radiance เป็นเลเซอร์รุ่นล่าสุดช่วยในการแก้ปัญหาฝ้า กระ สีผิวไม่เรียบต่าง ๆ ทั้งใบหน้าและลำตัว รวมถึงรอยสักและปานดำ ซึ่งจะทำให้ผิวหน้าดูดีขึ้นอย่างชัดเจน ภายหลังการรักษาจะเกิดการเปลี่ยนแปลงของสีผิวทั้งใบหน้า ผิวหน้าขาวใส เรียบเนียนขึ้น นอกจากนั้นยังสามารถใช้รักษาผิวตรงส่วนอื่น ๆ ที่อาจเกิดจากรอยแผลผ่าตัด รอยแผลอุบัติเหตุ และใช้กำจัดขนอ่อนได้อีกด้วย
Q: Skin Radiance คืออะไร
A: เป็นเลเซอร์รุ่นล่าสุดช่วยในการแก้ปัญหาฝ้า กระ สีผิวไม่เรียบต่างๆ ที่เป็นปัญหาที่พบได้มากทั้งในคุณผู้หญิงและคุณผู้ชาย รวมถึงเทคโนโลยีการยิงเลเซอร์แบบใหม่ที่ไม่เกิดแผลหลังการรักษา ซึ่งจะทำให้ผิวของคุณดูดีขึ้นอย่างชัดเจนภายหลังการรักษา นอกจากนั้นแล้วยังสามารถรักษาผิวตรงส่วนอื่นๆ ที่อาจเกิดจากแผลผ่าตัด แผลอุบัติเหตุ รอยสัก ได้อีกด้วย
Q: มีผลข้างเคียงไหม
A: เป็นเลเซอร์ที่มีความจำเพาะเจาะจงสูง แสงเลเซอร์ทำลายเฉพาะเม็ดสีที่ผิดปกติ ไม่มีผลต่อผิวหนังปกติด้านข้าง จึงไม่ค่อยพบผลข้างเคียงเช่น รอยไหม้ จ้ำเลือดและสีผิวที่ไม่เรียบ อีกทั้งยังสามารถรักษาได้ทุกสีผิวได้อย่างปลอดภัย
Q: ผลการรักษาแตกต่างจากเลเซอร์อื่นอย่างไร
A: Skin Radiance รักษารอยดำได้ดีมาก กระตุ้นคอลลาเจน คืนความอ่อนเยาว์ให้ผิวได้ดีและ รูขุมขนแลดูเล็กลงเป็นเลเซอร์ที่รักษาฝ้ากระที่ดีที่สุดในปัจจุบัน
Q: ต้องรับการรักษากี่ครั้งถึงจะเห็นผล
A: ควรรับบริการอย่างต่อเนื่องทุก 2-4 สัปดาห์ ตามสภาพปัญหาของผิวหน้า ต้องทำประมาณ 5-6 ครั้งเพื่อผลการรักษาที่ชัดเจน ทั้งนี้ระยะห่างในการทำขึ้นอยู่กับสภาพผิวของแต่ละบุคคล ซึ่งหมอจะเป็นผู้ให้คำแนะนำในการวางแผนการรักษาครับ
3.3 Vitamin Booster Treatment (VBT)
Vitamin Booster Treatment เป็นทางลัดในการนำวิตามินเข้าสู่ผิวหนัง ซึ่งเพิ่มความสามารถในการดูดซึมของผิวหนังได้ถึง 50 เท่า โดยวิธีนี้ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงชั่วคราวของโครงสร้างผิวหนังชั้นบนสุด เป็นผลให้วิตามินซึมลงสู่ใต้ผิวหนังมากขึ้นซึ่งผิวหนังสามารถกลับคืนสู่สภาพเดิมอย่างสมบูรณ์เมื่อหยุดการทำทรีตเมนต์ จึงเป็นอีกวิธีหนึ่งที่เห็นผลชัดเจนในการช่วยดูแลและรักษาผิวพรรณ เพราะเป็นเส้นทางลัดในการนำวิตามิน หรือสารบำรุงที่จำเป็นเข้าสู่เซลล์ผิวหนังโดยตรง
Q: การรักษาด้วย VBT นั้นทำอย่างไรบ้าง
A: พนักงานทรีตเมนต์ทำความสะอาดใบหน้า จากนั้นจะทาวิตามินบำรุงบนใบหน้า แล้วค่อย ๆ วางเครื่องมือลงบนผิวหน้า กระแสไฟฟ้าอ่อนๆ จะทำให้ตัววิตามินซึมซับเข้าสู่เซลล์ใต้ผิวหนัง ซึ่งตัวยาที่ถูกดูดเข้าไปจะช่วยบำรุงเซลล์ทำให้รอยดำจางลง ผิวหน้ากระจ่างใสขั้นตอนเหล่านี้ใช้เวลาเพียง 30 นาที จะเห็นว่าเป็นเวลาที่ไม่นาน และคุ้มค่ามากสำหรับผลที่ได้รับ
ผลที่ได้จากการทำ VBT คือ
– ผิวหน้ากระจ่างใส สุขภาพผิวดี
– ลดริ้วรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า
– ลดรอยคล้ำบริเวณขอบตา
– ลดรอยกระ รอยดำจากสิว
Q: ระยะห่างในการรักษาแต่ละครั้ง
A: ขึ้นอยู่กับสภาพของผิวของแต่ละคน โดยเบื้องต้นควรทำอย่างน้อยอาทิตย์ละ 1 ครั้ง ประมาณ 3 อาทิตย์ ติดต่อกัน แล้วค่อยๆ ลดลงตามลำดับ หลังจากนี้ถ้าต้องการให้ผิวหน้าดีขึ้น ก็สามารถมาพบแพทย์เพื่อการรักษาอย่างต่อเนื่องเดือนละ 1 – 2 ครั้งได้
Q: ผลข้างเคียงมีหรือไม่
A: ทรีตเมนต์VBT เป็นวิธีการรักษาที่เน้นการบำรุงเซลล์เป็นหลัก จึงทำให้ผลในการรักษาดี ง่าย สะดวก และไม่มีผลข้างเคียงที่เป็นอันตรายต่อผิวหน้าแต่อย่างใด